Couple challenge score

ประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิลุ้นรางวัล

กิจกรรม WHAbit Couple Challenge

NumberName
1 Anakkasuda singwongsa
2 Aungsuma Chumklieng
3 Benazie Niyomdecha
4 Boontharika Pongsiri
5 Chairin Netipiraphong
6 Chayanun Kongjundee
7 chonticha K
8 chophaka pholpha
9 Jiraapha imsub
10 Jirayu Chompoorat
11 Kamonthipp Phudphad
12 Kanokon Tawaisin
13 khemakorn iemcharoen
14 Kittiphat Jitkasikorn
15 Kittiya Panwiriyakul
16 LadiiBenjamas Chertchai
17 lianteck chua
18 Mintraporn Chomkoon
19 Monthakan Buttakoth
20 Nakritchanat Chudam
21 Nanthiya Saeteaw
22 Nareemet Kittikhuntanasan
23 Natcha Tanachai
24 Nattakarn Nuikhao
25 Natthida Fasoongnern
26 Nuttika Praepetch
27 Patinya Sathaphon
28 Peerawat Siribannakul
29 Penkhae Watthanakitsiri
30 Phairot Wongprayook
31 Phichitchai Chanchana
32 Pimpanit Monprasit
33 Pitak Lorach
34 piyanat rujirakul
35 Pongchanok Suvannabha
36 Preecha Todnatee
37 Punnawat Phuengyaiwatthana
38 Rawadee Taraariyakul
39 Saijai Tongseetong
40 Saksit Ungdang
41 Saowapa Sunkham
42 Sirawit Thiphanamchai
43 Siriporn Chaengbamrung
44 siriporn NaLamphun
45 Sittisak Muaylee
46 Sukhontharat Sukkasame
47 Sunisa Jantanasombut
48 Supawit Wongwattanaporn
49 Surachet Sithnasri
50 tassanee panwiriyakul
51 Taweewat Eiamsuwan
52 Thanapon Suwannachot
53 Thanawit Dechkung
54 Thaneth Chuaythong
55 Thavatchai Noklek
56 Vilai Phuangnak
57 Wanida Sayachak
58 wankhun Horrungrerngchai
59 Witalak Thongchan
60 woot phongtiphakorn
61 Woraport nalamphun
62 Worrawut Pannark
63 เกรียงศักดิ์ ช่างบาง
64 เกษกนก เมธีกุลสุเมธ
65 เบญจพร สุวรรณแสนทวี
66 เบญญทิพย์ อาทิตยศรัณยากร
67 เปรมวดี เทศกูล
68 เอกสิทธิ์ วงษ์มา
69 แพรวพรรณ​ พลาพล
70 โมลี สุทธิประเสริฐ
71 กนกวรรณ สายันต์
72 กฤษดา บุญธัญเจริญ
73 กัลดารัตน์ ใจกว้าง
74 กาญจนา เขมาภิรัตน์
75 กาญจนา มตต์ประสิทธิ์
76 กิจธนา หุนสระน้อย
77 กิตตศักดิ์ วงศ์ศรีชา
78 กีฬาวุธ บุญทา
79 จริญญา วรสัมปุรณะ
80 จรีวรรณ สถาพร
81 จักรกฤช มีนา
82 จิรพัฒน์ เหล่าธารทรัพย์
83 จุฬารัตน์ ฦาแรง
84 ฉัณฐณะ สุวรรณเขตต์
85 ฉัตรชัย กล่อมแก้ว
86 ชไมพร ชูกำลัง
87 ชนัญญา สุทัศน์เสถียรชัย
88 ช่อเพชร เรืองผลวิวัฒน์
89 ชัยณรงณ์ บางเหลือง
90 ชัยมงคล รามอ้น
91 ฐานิดา โตเกิด
92 ฐาปนี เพ็ญสุข
93 ณัฏฐ์คเณศ สิริกุลเขมโสภณ
94 ดรุณี ชูเรือง
95 ดวงตา คุ้มพันธุ์
96 ทัธนา เย็นวัฒนา
97 ธนพงศ์ แตงบำรุง
98 ธนา อาจเปล่งพจน์
99 ธนุพงษ์ ช้างนิล
100 นราธิป กาญจนประภาส
101 นิวัฒน์ พูลทรัพย์
102 บุญญรัตน์ โรจน์วุฒิมงคล
103 บุญศิริ โรจน์วุฒิมงคล
104 ประชา กิตติคุณธนสาร
105 ประพฤทธิ์ วังสินธร
106 ปริญา เกษเดข
107 พลวัต ขันธ์เคน
108 พลอยไพลิน ตั้งบรรเจิดสุข
109 พายัพ ธเนศอนันต์สาร
110 ภาคภูมิ สถาพรวัฒนากุล
111 ภาณุวัฒน์ สังข์แก้ว
112 ภูวนาถ วงศ์พยัคฆ์
113 มนัสวี พริ้งเพราะ
114 มลฤดี ชาญชาตรีรัตน์
115 มาโนชญ์ พละกสิกร
116 ยลดา มิ่งแก้ว
117 ยศพล แคล้วคลาด
118 รณพร วงค์บุรุษ
119 รสริ สุขวิพัฒน์
120 ระพีพรรณ จันทะวงศ์
121 วุฒิสิทธิ์ รุจิรกุล
122 ศตขัณฑ์โปร่งกลาง
123 ศักดิ์ชัย แท่งทอง
124 สุกัญญา แก้วสด
125 สุกัญญา ทิพย์ประไพ
126 สุพัตรา ปัทมะรางกูล
127 สุมาลี พิกาศ
128 สุวรรนิภา จำปาทอง
129 อธิคม​ พันธ์​เมธา​ฤทธิ์
130 อนุพงษ์ วงศ์ชู
131 อรนุช บุญเจือ
132 อรสา แก้วงาม
133 อรัญดา จินนารี
134 อัญชลี แสงดารา
135 อัมพร ชุบไทสงค์
136 อาวุธ ซองทอง
137 อุทิตย์ ไพศาล
NumberName
1 Anakkasuda singwongsa
2 Chicky Kook
3 Boontharika Pongsiri
4 Chairin Netipiraphong
5 chonticha K
6 chophaka pholpha
7 Jiraapha imsub
8 Kamonthipp Phudphad
9 Kanokon Tawaisin
10 khemakorn iemcharoen
11 Kittiphat Jitkasikorn
12 Kittiya Panwiriyakul
13 lianteck chua
14 Monthakan Buttakoth
15 Nareemet Kittikhuntanasan
16 Nattakarn Nuikhao
17 Natthida Fasoongnern
18 Patinya Sathaphon
19 Peerawat Siribannakul
20 Phichitchai Chanchana
21 Pimpanit Monprasit
22 Pitak Lorach
23 piyanat rujirakul
24 Pongchanok Suvannabha
25 Punnawat Phuengyaiwatthana
26 Rawadee Taraariyakul
27 Saowapa Sunkham
28 Sirawit Thiphanamchai
29 Siriporn Chaengbamrung
30 siriporn NaLamphun
31 Sittisak Muaylee
32 Sunisa Jantanasombut
33 Supawit Wongwattanaporn
34 Surachet Sithnasri
35 tassanee panwiriyakul
36 Taweewat Eiamsuwan
37 Thanapon Suwannachot
38 Thanawit Dechkung
39 Thavatchai Noklek
40 Witalak Thongchan
41 Woraport nalamphun
42 Worrawut Pannark
43 เกรียงศักดิ์ ช่างบาง
44 เกษกนก เมธีกุลสุเมธ
45 เบญจพร สุวรรณแสนทวี
46 เอกสิทธิ์ วงษ์มา
47 โมลี สุทธิประเสริฐ
48 กาญจนา เขมาภิรัตน์
49 กาญจนา มตต์ประสิทธิ์
50 กิจธนา หุนสระน้อย
51 กิตตศักดิ์ วงศ์ศรีชา
52 กีฬาวุธ บุญทา
53 จรีวรรณ สถาพร
54 จักรกฤช มีนา
55 จิรพัฒน์ เหล่าธารทรัพย์
56 จุฬารัตน์ ฦาแรง
57 ฉัตรชัย กล่อมแก้ว
58 ชไมพร ชูกำลัง
59 ชนัญญา สุทัศน์เสถียรชัย
60 ช่อเพชร เรืองผลวิวัฒน์
61 ชัยณรงณ์ บางเหลือง
62 ฐาปนี เพ็ญสุข
63 ดวงตา คุ้มพันธุ์
64 ธนพงศ์ แตงบำรุง
65 ธนา อาจเปล่งพจน์
66 ธนุพงษ์ ช้างนิล
67 นราธิป กาญจนประภาส
68 บุญญรัตน์ โรจน์วุฒิมงคล
69 บุญศิริ โรจน์วุฒิมงคล
70 ประชา กิตติคุณธนสาร
71 ประพฤทธิ์ วังสินธร
72 ปริญา เกษเดข
73 พลวัต ขันธ์เคน
74 พลอยไพลิน ตั้งบรรเจิดสุข
75 พายัพ ธเนศอนันต์สาร
76 ภาคภูมิ สถาพรวัฒนากุล
77 ภาณุวัฒน์ สังข์แก้ว
78 ภูวนาถ วงศ์พยัคฆ์
79 มลฤดี ชาญชาตรีรัตน์
80 มาโนชญ์ พละกสิกร
81 ยศพล แคล้วคลาด
82 รณพร วงค์บุรุษ
83 รสริ สุขวิพัฒน์
84 วุฒิสิทธิ์ รุจิรกุล
85 ศตขัณฑ์โปร่งกลาง
86 ศักดิ์ชัย แท่งทอง
87 สุกัญญา ทิพย์ประไพ
88 สุพัตรา ปัทมะรางกูล
89 สุมาลี พิกาศ
90 อธิคม​ พันธ์​เมธา​ฤทธิ์
91 อนุพงษ์ วงศ์ชู
92 อรนุช บุญเจือ
93 อรัญดา จินนารี
94 อัญชลี แสงดารา
95 อาวุธ ซองทอง
96 อุทิตย์ ไพศาล
349690331_974613676887387_4107096216969015339_n

ปาร์ตี้ปิ้งย่าง เสี่ยงเซลล์มะเร็ง

ทุกคนรู้ไหมว่า เซลล์มะเร็ง พบได้ในอาหารปิ้งย่าง เนื่องจากเป็นแหล่งของตัวกระตุ้นเซลล์มะเร็งชั้นดีสองตัว หนึ่งคือสารในกลุ่มไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbons หรือ PAH) พบในควันที่เกิดจากไขมันสัตว์ที่โดนความร้อนสูง สองคือสารในกลุ่มเอมีนส์ (Heterocyclic amines) พบมากในเนื้อแดงที่ถูกความร้อนสูง

หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารปิ้งย่าง แต่ไม่อยากอ้วนและเสี่ยงต่อมะเร็ง แนะนำให้ปฏิบัติตามดังนี้

  • เลือกสถานที่ปิ้งย่างที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี หรือมีเครื่องดูดควันคุณภาพสูง
  • เน้นรับประทานเป็นเนื้อปลา หรือไก่ไม่ติดหนัง
  • เลี่ยงการรับประทานเนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบค่อน ไส้กรอกอีสาน
  • อย่าใช้ไฟแรง อย่าปิ้งจนเกรียม และหมั่นทำความสะอาดคราบเขม่าและรอยไหม้ต่างๆที่ติดอยู่บริเวณตะแกรง
  • หมักเนื้อด้วยน้ำมะนาว สะระแหน่ มิ้นท์ โรสแมรี่ สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยลดการเกิดของสารก่อมะเร็งในกลุ่มเอมีนส์
  • ตัดเนื้อส่วนที่มีมันออกก่อนนำไปปิ้งย่าง เพื่อลดการเกิดสารก่อมะเร็งกลุ่มไฮโดรคาร์บอน
  • เน้นรับประทานผักสดๆควบคู่ด้วยเสมอ
  • เลือกดื่มน้ำเปล่า แทนการดื่มน้ำอัดลมหรือสุรา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ปิ้งย่าง-มะเร็ง

353418553_267396379293049_7721033437294782385_n

รู้หรือไม่ การออกกำลังกายช่วยบำรุงสมอง

การออกกำลังกายช่วยบำรุงสมอง จริงหรือ?

หลาย ๆ คนที่มาออกกำลังกายก็มุ่งหวังให้ร่างกาย และสุขภาพแข็งแรง แต่การออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ดี ๆ ที่ส่งผลไปถึงสมองของเราอีกด้วย

  • ช่วยให้ความจำดี

    การออกกำลังกายเป็นประจำ จะส่งผลดีต่อฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการทำงานสำหรับสมองของคนเราหลาย ๆ อย่าง เช่น ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทและเซลล์สมองได้

  • พัฒนาความคิดสร้างสรรค์

    เพราะการออกกำลังกายจะช่วยพัฒนาสมองซีกขวาที่เป็นจุดสำคัญในด้านของความคิด และจินตนาการของคนเรา เรียกได้ว่าการออกกำลังกายเปรียบเหมือนอาหารเสริมช่วยให้สมองบรรเจิดไอเดีย ทั้งหลายแหล่ขึ้นมาได้เลย

  • ขจัดความเครียด

    เพราะการออกกำลังกายจะช่วยปรับปรุงเรื่องของการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่อง ของการผ่อนคลายความเครียดได้มากยิ่งขึ้น ไม่เชื่อก็ลองออกไปวิ่งดูสิ รับรองเลยว่าแก้เครียดได้เป็นอย่างดีเลยแหละ

  • ช่วยปรับอารมณ์ให้คงที่

    การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอย่าง เซโรโทนินและคาเทชิน ออกมาช่วยปรับสมดุลในเรื่องของอารมณ์ให้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยขจัดฮอร์โมนที่ไม่ดีต่อร่างกายให้หมดไป รวมทั้งทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมาด้วย เช่นกัน

การออกกำลังกายนั้นไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องของสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองและพัฒนาความคิดให้ดีขึ้น ทุกคนควรหันมาออกกำลังกาย อย่างน้อยสัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงเท่านี้รับรองได้เลยว่าคุณจะกลายเป็นคนที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี ขึ้นอย่างแน่นอน
353062512_267423345957019_8098644216651551864_n (1)

โรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

โรคหัวใจเป็นกรรมพันธุ์จริงหรือไม่?

สาเหตุส่วนหนึ่งของโรคหัวใจ คือปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งคนที่ดูแข็งแรงดีออกกำลังกายเป็นประจำ
และไม่มีอาการผิดปกตินั้นก็อาจเป็นโรคหัวใจที่ถ่ายทอดจากพันธุกรรมได้เช่นกัน

โรคหัวใจที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้นั้น มีตัวอย่างดังนี้

  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)
  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
  • มาร์แฟนซินโดรม (Marfan Syndrome)
  • โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
  • โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด (Aortic dissection)
เพื่อเป็นการป้องกันโรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมภายในครอบครัวที่มีประวัติผู้ป่วยโรคหัวใจ การเข้ารับการตรวจยีนตั้งแต่ยังไม่มีอาการ เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรค และเข้ารับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จะช่วยป้องกันการเกิดโรค หรือบรรเทาอาการรุนแรงของโรคและป้องกันความเสี่ยงการเสียชีวิตฉับพลันจากโรคหัวใจได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samitivejhospitals.com

353769616_267562209276466_8352040621342662635_n

6 วิธีบำรุงผิวหน้าใส

6 วิธีบำรุงผิวหน้าใสสำหรับสาวที่ไม่หยุดสวย

  1. เริ่มต้นที่การล้างหน้า

ขั้นตอนแรกที่ควรทำพร้อมเปิดรับหน้าใส คือ ผิวหน้าจำเป็นต้องสะอาด หากปล่อยให้เกิดการตกค้างของสิ่งสกปรก อาจจะทำให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบตามมาได้

2. ขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพด้วยสครับหรือกรดผลไม้
ความถี่ที่เหมาะสมในการใช้สครับ คือ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อนำเซลล์ผิวเก่าออกและกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่

3. เลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารไวเทนนิ่ง
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่อยากมีผิวกระจ่างใส คือ ต้องเลือกครีมบำรุงผิวให้เป็น อาทิ สารกลุ่มวิตามินซี Harmony Acne Pro, Picosecond Laser, IDEAL Radiant นอกจากการเลือกจากส่วนผสมแล้ว ความสม่ำเสมอในการใช้ หรือวินัยในการบำรุงผิวก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผิวกระจ่างใสเช่นกัน

4. อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด
สำหรับแดดที่ร้อนของเมืองไทย และ UV Index ที่แรง แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี SPF มากกว่า 30 และมีค่า PA 3+ ขึ้นไป เป็นประจำทุกวันทั้งใบหน้าและผิวกาย เพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว

5. ไลฟ์สไตล์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
เริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำเปล่าทุกวัน วันละ 6-8 แก้ว การทานผักผลไม้หลากสีที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การเข้านอนแต่หัวค่ำ (ไม่เกินเที่ยงคืน) และการออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที

6. โปรแกรมปรนนิบัติผิว
ในยุคปัจจุบันที่อยากมีผิวสวยแต่ไม่ค่อยมีเวลาก็คือ การทำเลเซอร์ เลเซอร์นอกจากจะช่วยดูแลผิวพรรณให้ขาวกระจ่างใสแล้ว ยังช่วยย่นระยะเวลาการบำรุงผิวด้วยสารไวเทนนิ่ง หรือสามารถทำควบคู่ไปกับการบำรุงผิวเพื่อให้ผิวเปล่งประกายสุขภาพดีได้ด้วย

เพียงแค่มีวินัยในการดูแลผิว รู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง รวมถึงดูแลตัวเองให้ดีทั้งภายในและภายนอก เพียงเท่านี้ก็มีผิวที่สวยใส จนใคร ๆ ต้องเหลียวมอง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samitivejhospitals.com

351522128_243433821629272_2562813270675863967_n

การนอนหลับที่ดีควรจะนอนกี่ชั่วโมง

จากงานวิจัยจาก National Sleep Foundation การปริมาณการนอนหลับที่ร่างกายของคนเราต้องการนั้น จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแต่ล่ะคน โดยแบ่งแยกเป็น…

เด็กเล็ก
  • เด็กที่อายุ 0-3 เดือนควรที่จะนอน 14-17 ชั่วโมง
  • เด็กที่อายุ 4-11 เดือนควรที่จะนอน 12-15 ชั่วโมง
  • เด็กที่อายุ 1-2 ปีควรที่จะนอน 11-14 ชั่วโมง
  • เด็กที่อายุ 3-5 ปีควรที่จะนอน 10-13 ชั่วโมง
  • เด็กที่อายุ 6-13 ปีควรที่จะนอน 9-11 ชั่วโมง
เด็กโต

  • คนที่อายุ 14-17 ปีควรที่จะนอน 8-10 ชั่วโมง

ผู้ใหญ่
  • คนที่อายุ 18-64 ปีควรที่จะนอน 7-9 ชั่วโมง
  • คนที่อายุ 65 ปีขึ้นไปควรที่จะนอน 7-8 ชั่วโมง
เคล็ดลับการนอนหลับ ให้นอนหลับได้นานขึ้น
357764420_280160934683260_4145778749413501647_n

ปลุกพลังก่อนทำงานพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใส

เริ่มต้นเช้าของวันทำงาน ด้วยกิจกรรมที่กระตุ้นพลัง เพื่อพร้อมรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องเจอมากมาย
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ออกกำลังกาย เพิ่มความ Active ในการทำงาน ด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ ยามเช้า กิจกรรมที่ได้ทั้งสุขภาพ และกระตุ้นพลังได้เป็นอย่างดี

ฟังเพลง หรือ Podcast ระหว่างเดินทางไปทำงาน ลองเปิดหา Playlist เพลง หรือ Podcast ที่ชอบ เหมือนเป็นการเปิดรับสิ่งดี ๆ ให้สมองนั่นเอง

รับประทานอาหารเช้า มื้อสำคัญที่ไม่ควรเลี่ยง เพราะหากร่างกายได้รับอาหารก่อนทำงานจะถือเป็นการเพิ่มทั้งแรงกาย แรงใจและแรงความคิดได้เป็นอย่างดี

ทำงานที่กระตุ้นสมอง เลือกงานยาก หรืองานที่ต้องใช้ความคิดหนัก ๆ ยามเช้า เพราะถือเป็นช่วงที่ร่างกายพร้อมทำงานมากที่สุด และมีแรงฮึดที่จะทำงานอื่น ๆ ต่อไปได้ไม่ยาก งานจะดีได้ ต้องมาจากพลังกาย และใจที่เต็มร้อย แนะนำให้ไปปรับใช้ เพื่อเช้าวันใหม่ที่สดใสอย่างเต็มอิ่ม

0002_2

เผาผลาญพลังงานแบบชิล ๆ แบบไม่ต้องออกกำลังกาย

หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบ หรือมีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย ก็ต้องหันมาปรับพฤติกรรม การใช้ชีวิตประจำวันให้กระฉับกระเฉง โดยเพิ่มกิจกรรมขยับร่างกายเข้าไปในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์ การจอดรถให้ไกลกว่าเดิม ลงรถโดยสาร ก่อนที่หมาย เลือกเข้าห้องน้ำที่ไกลขึ้น พักเบรคจากการทำงาน ลุกยืน ยืด เหยียด ขยับร่างกายทุกๆ 1-2 ชม. ยกน้ำหนักเบาๆขณะโทรศัพท์ เดินประชุม หรือ เลือกปรับโต๊ะทำงานให้อยู่ในท่ายืน

อีกส่วนนึงของพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญเอาไปใช้คือการขยับ และเคลื่อนไหวร่างกาย แค่ วิ่งเหยาะ ขยับเท้า ยกมือ หรือแม้แต่นั่งหมุนปากาเล่นๆ ร่างกายก็เผาผลาญจำนวนนึงไปใช้แล้ว มีงานวิจัยแสดงว่า การขยับเคลื่อนไหวร่างกาย โดยไม่ใช่การออกกำลังกายนั้น สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 350 kcal ต่อวันเลยทีเดียว

ขยับแล้ว ต้องคุมเรื่องกินด้วย

การที่จะมีสุขภาพที่ดี และควบคุมน้ำหนักได้ ต้องมาจากการเลือกโภชนการที่ดีด้วย ในเมื่อเราเผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าคนที่ออกกำลังกายแบบจริงจัง ก็ต้องให้ความสำคัญต่อปริมาณพลังงานที่กินเข้าไป พยายามควบคุมให้เกิดสมดุลพลังงาน ระหว่างพลังงานที่กินเข้าไป และพลังงานที่เบิร์นออกไป ซึ่งหากสองสิ่งนี้สมดุลกัน ก็หมดกังวลเรื่องอ้วนไปได้เลย

ขอบคุณที่มา : https://www.lovefitt.com/exercise

0001

“ผมร่วง ผมบาง” ปัญหาที่กวนใจของผู้หญิง

 

    • 50% มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนสูงซึ่งมักจะมาจากกรรมพันธุ์ โดยลักษณะคือผมจะร่วงหรือบางบริเวณกลางศีรษะและด้านข้าง

    • สตรีภายหลังคลอดบุตร ผู้ที่มีอาการเครียดทางกายหรือทางอารมณ์ขั้นรุนแรง ผู้ที่ลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากสภาวะนั้น 2-3 เดือน เส้นผมจะหลุดร่วงได้มาก

    • โรคที่เกิดจากความผิดปกติทางฮอร์โมน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคต่อมไทรอยด์

    • การได้รับยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิว ความดัน หรือโรคข้อกระดูก

    • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสวมวิกผมและหมวกเป็นประจำจนหนังศีรษะร้อน การรวบผมตึง การดัดผม โกรกสีผม และภาวะรังแคซึ่งอาจจะเกิดจาก
      เชื้อรา หากไม่รักษาก็อาจส่งผลให้ผมร่วง ผมบาง จนกระทั้งศีรษะล้าน

      การรักษาอาการผมร่วงในผู้หญิง

    • การทำทรีตเมนต์เพื่อกระตุ้นให้การเกิดใหม่ของรากผมและบำรุงรักษาเส้นผมให้คงอยู่

    • การรักษาด้วยการปรับฮอร์โมนเพื่อลดอาการผมร่วม

    • ในกรณีผมแหว่งเป็นวงกลม อาจจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งอาจจะต้องตรวจเลือดและมีการฉีดยารักษา

    • การทำเลเซอร์เพื่อแก้การเสื่อมสภาพของเส้นผมหรือกระตุ้นเส้นผมให้เกิดใหม่

    • การผ่าตัดปลูกผม จะทำให้กรณีที่เส้นผมในบริเวณนั้นเสียหายไปหมดแล้ว ไม่สามารถโตกลับมาได้อีก ปัจจุบันมีนวัตกรรมการแพทย์ล่าสุดสามารถปลูกผมโดยการใช้เครื่องปลูกผมที่เรียกว่า “Robot Hair Transplant” ซึ่งปลอดภัย รวดเร็วและไม่มีแผลเป็นหลังการผ่าตัด

ขอบคุณที่มา : www.samitivejhospitals.com