ต่อมลูกหมากโต ถึงแม้จะไม่ใช่มะเร็งและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการปัสสาวะบ่อย รวมถึงสร้างความกังวลต่อจิตใจถึงความเสื่อมถอยของสมรรถภาพทางเพศ และหากไม่รีบทำการรักษาปล่อยจนอาการเรื้อรัง ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากอาการไตวายได้
ดังนั้น… ผู้ชายวัย 40 ขึ้นไปควรดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการหมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะ พร้อมทั้งเข้ารับการตรวจต่อมลูกหมากพร้อมตรวจสุขภาพประจำปี และเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยป้องกันต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก
อาหารที่แนะนำ ป้องกันต่อมลูกหมากโต
1.มะเขือเทศ
มะเขือเทศนั้นมีสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะมะเขือเทศที่ปรุงสุก เช่น น้ำมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ หรือมะเขือเทศย่าง จะยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับไลโคปีนได้มากกว่าการรับประทานมะเขือเทศสด จากการศึกษาในประเทศบราซิลพบว่าผู้บริโภคมะเขือเทศสด 50 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 10 สัปดาห์ สามารถลดความเสี่ยงต่อมลูกหมากโตได้ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับผู้ที่กินมะเขือเทศสุก เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ และพิซซ่าที่มีส่วนประกอบของมะเขือเทศ ที่ลดความเสี่ยงได้ถึง 35% ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มะเขือเทศแปรรูปวางจำหน่ายหลากหลาย การเลือกดื่มน้ำมะเขือเทศวันละ 1 แก้ว จึงเป็นวิธีป้องกันต่อมลูกหมากโตได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
2.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ รวมถึงลูกหม่อนและลูกหว้า ล้วนเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของการอักเสบภายในร่างกาย รวมถึงทำให้เกิดภาวะต่อมลูกหมากโตและเนื้องอกชนิดต่าง ๆ
3.แซลมอน
แซลมอนนั้นอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ มีโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็งและลดการอักเสบในร่างกาย มีข้อมูลจากการศึกษาพบว่าการรับประทานปลาแซลมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง อาจช่วยลดความเสี่ยงอาการต่อมลูกหมากโต และสามารถชะลอการพัฒนาของเนื้องอกต่อมลูกหมากไปเป็นมะเร็ง หรือหยุดการลุกลามของโรคได้อีกด้วย นอกจากแซลมอนแล้ว ปลาเทราต์และปลาซาร์ดีน ก็มีโอเมก้า 3 เช่นกัน
4.บร็อคโคลี่และผักตระกูลกะหล่ำ
เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว และกะหล่ำดอกมีสารซัลโฟราเฟน (Sunforaphane) มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง รวมถึงช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ล้างพิษของร่างกาย จากการศึกษาพบว่าการกินบร็อคโคลี่มากกว่าสัปดาห์ละครั้ง สามารถลดโอกาสในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากระยะ 3 และ 4 ได้ถึง 45% ซึ่งวิธีปรุงบร็อคโคลี่ที่ดีที่สุดคือ การนึ่งหรือผัดไม่เกิน 5 นาที หากผัดสุกเกินไปความสามารถในการต้านมะเร็งจะลดลง
5.ชาเขียว
ชาเขียวประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า แคทีชิน (Catechins) ซึ่งสามารถทำลายแบคทีเรียและไวรัสบางชนิด เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายเพื่อต่อสู้กับมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงสิ่งที่จะเกิดความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะได้อีกด้วย
6.ถั่ว
อุดมไปด้วยซีลีเนียมและสังกะสี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของต่อมลูกหมาก รวมถึงช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย อีกทั้งยังพบว่าสังกะสีมีมากในหอยนางรมและอาหารทะเลอื่น ๆ
7.เห็ด
ช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเห็ดหอม ซึ่งอุดมด้วยเลนติแนน (Lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการยับยั้ง หรือป้องกันการเติบโตของเซลล์เนื้องอกและมะเร็งได้ดี นอกจากนี้เห็ดอื่น ๆ เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดหลินจือ และเห็ดไมตาเกะ ยังมีสารเออร์โกไธโอนีน (Ergothioneine) หรือสารแอนติออกซิแดนท์ที่มีคุณค่า ช่วยปกป้องเซลล์ทั่วร่างกาย รวมถึงต่อมลูกหมากจากความผิดปกติได้
8.เมล็ดฟักทอง
สามารถช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโต โดยน้ำมันจากเมล็ดฟักทองประกอบด้วยไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone) ซึ่งจัดว่าเป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมน (Steroid hormone) เพศชายที่ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ปกติ และป้องกันไม่ให้ฮอร์โมนกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเซลล์ต่อมลูกหมากทำงานมากจนเกินไป น้ำมันเมล็ดฟักทองยังมีแคโรทีนอยด์และกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย
9.ทับทิม
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการบำรุงต่อมลูกหมาก โดยสามารถชะลอการลุกลามของมะเร็งต่อมลูกหมากได้
10.ขมิ้นชัน
เดิมนั้นขมิ้นชันถูกนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับการอักเสบและโรคหอบหืด แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบคุณสมบัติต้านมะเร็งรวมถึงความสามารถในการต่อสู้กับมะเร็งต่อมลูกหมาก อีกทั้งยังมีการค้นพบอีกว่าหากนำขมิ้นชันมาปรุงร่วมกับผักตระกูลกะหล่ำจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
1.ผลิตภัณฑ์นม
การบริโภคผลิตภัณฑ์นม เนย และชีสเป็นประจำเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อมลูกหมากโต
2.เนื้อแดง
การวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่าการรับประทานเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะในปริมาณมาก เพิ่มความเสี่ยงภาวะต่อมลูกหมากโต รวมถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอีกด้วย โดยเฉพาะปิ้งย่าง หมูกระทะ หมูย่างปรุงรสต่าง ๆ บนเตาถ่าน
3.โซเดียม
การบริโภคเกลือจำนวนมาก ทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะทำงานหนัก เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งรวมถึงโซเดียมที่แฝงมาในอาหารสำเร็จรูป อาหารหมักดอง และอาหารแปรรูปอื่น ๆ เช่น เต้าเจี้ยว ผักดอง แฮม ไส้กรอก หมูยอ เป็นต้น
นอกจากการเลือกรับประทานอาหารเพื่อให้ห่างไกลต่อมลูกหมากโตแล้ว หากพบว่าการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะขัด ต้องใช้เวลาเบ่ง ปัสสาวะไม่มีแรงพุ่ง หรือออกเป็นหยด ๆ อาจปวดปัสสาวะบ่อย อั้นไม่อยู่ รวมถึงปัสสาวะเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต และรับการรักษา รวมถึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง และที่สำคัญควรมีการตรวจต่อมลูกหมากทุกครั้งที่มีการตรวจสุขภาพประจำปี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.samitivejhospitals.com