1-1_นอนกรน

นอนกรน เป็นเรื่องธรรมดาจริงหรือ?

นอนกรน ไม่ใช่เรื่องตลก?

หลายคนอาจจะคิดว่าการกรนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ใคร ๆ ก็กรนได้ ไม่ว่าจะตัวเราเองหรือคนใกล้ชิดจนกลายเป็นเรื่องที่เรามองว่า ‘ธรรมดา’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกรนนั้นไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่คิด มันเป็นสัญญาณเตือนที่แสดงให้เห็นว่าคุณอาจกำลังมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับอยู่ (Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งภาวะนี้อันตรายกว่าที่หลายคนคิด!

ทำไมถึงเกิดการกรน?

การกรนเกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนต้นแคบลงในขณะหลับ สาเหตุมาจากกล้ามเนื้อในทางเดินหายใจหย่อนตัวลง ลิ้นและลิ้นไก่ตกไปด้านหลัง ส่งผลให้ทางเดินหายใจแคบ เมื่ออากาศผ่านเข้าออกจึงเกิดเป็นเสียงกรน บางคนอาจมีเสียงกรนดังต่อเนื่อง แต่ถ้าทางเดินหายใจแคบลงมากขึ้น เสียงกรนจะหายเป็นช่วง ๆ มีอาการสําลักอากาศหรือเสียง “คร่อก” ตามมา ซึ่งเป็นอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร?

ภาวะนี้ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน ส่งผลให้คุณภาพการนอนลดลง นอกจากการทำให้หลับไม่เต็มอิ่มแล้ว ภาวะนี้ยังมีผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดสมองและหัวใจแข็งตัว สมองทำงานไม่เต็มที่ สมองต้องสะดุ้งตื่นเพื่อให้ร่างกายหายใจ ทำให้นอนไม่ต่อเนื่อง ประสิทธิภาพการทำงานของสมองและความจำถดถอยลง ร่างกายอ่อนเพลีย ทำให้ไม่สดชื่น เหนื่อยง่ายในระหว่างวัน และมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา

จะทำอย่างไรเมื่อมีอาการกรน?

ถ้าคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการกรนเสียงดัง หรือมีอาการหายใจสะดุดในขณะหลับ อย่ามองข้าม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ เพราะการปล่อยให้ภาวะนี้ดำเนินต่อไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาว การรักษาภาวะนี้สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การปรับพฤติกรรมการนอน การใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ หรือในบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ

สุขภาพการนอนที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง อย่าปล่อยให้การกรนกลายเป็นเรื่องปกติ ถ้าคุณพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการกรนที่ผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบและหาทางแก้ไข เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพและชีวิตที่ดีขึ้น

1-1_โรครองช้ำ

โรครองช้ำ ความเจ็บที่ไม่ควรมองข้าม

“อาการปวดฝ่าเท้า” แม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของ “โรครองช้ำ” ซึ่งสามารถรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก เนื่องจากทำให้การเดินลำบาก

เพราะ… มีอาการอักเสบและปวดบวมใต้ฝ่าเท้าเหมือนถูกเข็มทิ่ม หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการอาจลุกลามจนเส้นเอ็นฉีกขาด และอาจต้องถึงขั้นผ่าตัด

สาเหตุของโรครองช้ำ มาจากการใช้งานข้อเท้ามากเกินไป

เช่น การเดินหรือวิ่งนาน ๆ ใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ หรือมีน้ำหนักตัวมาก บางคนที่มีปัญหาเท้าผิดรูป เช่น อุ้งเท้าแบน หรือเท้าโก่ง ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายบางประเภท เช่น การเต้นแอโรบิค หรือปั่นจักรยาน ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน

การป้องกันโรครองช้ำ ทำได้โดยเลือกรองเท้าที่เหมาะสม

ลดกิจกรรมที่ต้องใช้ฝ่าเท้าเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องใช้รองเท้าส้นสูง ควรหมั่นพักเท้า และยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่มีรูปเท้าผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำรองเท้าพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยง

หลายคนมองว่าโรคนี้ไม่อันตรายและรักษาได้เอง

แต่ในความเป็นจริง ควรรีบพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและป้องกันอาการเรื้อรัง การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ใส่รองเท้าสวย ๆ และออกกำลังกายได้อย่างสบายใจอีกครั้ง