การวิ่งเป็นสิ่งที่แสนจะง่ายดาย เพียงแค่หยิบรองเท้ามาใส่ซักคู่นึงก็สามารถออกไปวิ่งได้แล้ว… แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากเรารู้ข้อควรที่พึงระวังก่อนออกวิ่ง ซึ่ง WHAbit ก็มีคำแนะนำ 10 ข้อมาให้อ่านกัน เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังจะวิ่งอย่างจริงจัง
1.การเลือกระยะทางที่เหมาะสมกับตัวเอง
2.ซ้อมอย่างไรให้ถึงฝั่งฝัน
3.วอร์มก่อนวิ่ง วอร์มอัพ & คูลดาวน์ คู่หูเลี่ยงไม่ได้
4.การเตรียมตัวเรื่องอาหารและน้ำ
เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานพร้อมลงสนาม ควรรับประทานอาหารมื้อหนักก่อน 2 ชั่วโมง หรืออาหารเบา ๆ เช่น กล้วยหอม ขนมปังหรือแครกเกอร์ 1 ชิ้น ก่อนวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้อย่าลืมดื่มน้ำ 200-400 ซีซี ก่อนวิ่ง 30 นาที และจิบบ่อย ๆ ครั้งละน้อย ๆ ระหว่างวิ่ง โดยเฉพาะการวิ่งระยะไกล เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ที่อาจเกิดอันตรายได้
5.อาหารและน้ำระหว่างทางในสนามแข่ง
ควรดื่มน้ำให้เหมาะสม เพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป สำหรับผลไม้นั้นไม่จำเป็นต้องกินก็ได้ ไม่ต้องกลัวหิว เพราะระหว่างทางจะมีจุดแจกเรื่อย ๆ รวมถึงอาหารให้พลังงานอย่างพาวเวอร์เจล (Power Gel) แม้จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลเหลว ๆ แต่หากกินมากเกินไปอาจทำให้จุกได้
6.ฝึกวิ่งช้าลงบ้าง
การวิ่งช้า ๆ ในวันพักหรือฟื้นฟูร่างกายก็ถือเป็นการผ่อนคลายที่ดี บางครั้งอาจได้เพื่อนคุยขณะวิ่ง แลกเปลี่ยนทักษะ จนทำให้การลงสนามครั้งหน้าเป็นการวิ่งที่ทำเวลาได้ดีขึ้นก็เป็นได้
7.ดูแลรักษารองเท้าวิ่งให้ดี
นักวิ่งควรต้องดูแลรองเท้าวิ่งให้ดี และควรเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่เมื่อรู้สึกว่ารองเท้าผิดปกติเสียรูปไปจากที่เคยสวมใส่ เพื่อแน่ใจได้ว่าระบบรองรับแรงกระแทกและความพอดีกับรูปเท้าอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
8.เพิ่มเวทและฝึก Cross Training
ในวันที่ว่างจากการซ้อมอาจเปลี่ยนไป ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือโยคะ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น
สำหรับการฝึกเวท นอกจากช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่ง ยังทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เหนื่อยน้อยลง และป้องกันภาวะบาดเจ็บจากการวิ่ง
ทั้งนี้ควรฝึก Cross Training และเวทสลับกันในวันว่างจากการฝึกวิ่ง ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
9.ค่อยเป็นค่อยไปสัปดาห์ละ 10% Cross Training
10% ถือเป็นการพัฒนาที่ไม่มากหรือน้อยเกินไปในแต่ละสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังช่วยป้องกันกล้ามเนื้อล้าและภาวะบาดเจ็บจากการวิ่งแบบบ้าพลังได้เป็นอย่างดี
10.โลกไม่พังทลาย สนามวิ่งไม่ได้หายไปไหน
เมื่อบาดเจ็บ นักวิ่งควรพักจนกว่าจะหายดีและพร้อมวิ่งอีกครั้ง การดันทุรังวิ่งขณะบาดเจ็บจะยิ่งซ้ำเติมให้เกิดภาวะบาดเจ็บเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องใช้เวลารักษาที่นานขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.samitivejhospitals.com